Page 5 - สิทธิชุมชนในมุมมองระดับโลก
P. 5
และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ทรัพยากรทางพันธุกรรมก็ได้
กลายเป็นเป้าหมายหลักในการที่จะยึดกุมเศรษฐกิจโลก ภายใต้แรงผลักดันของการท าก าไรสูงสุดและ
การเติบโตทางเศรษฐกิจล้วนๆ ทั้งหมดนี้เป็นภัยคุกคามที่ชัดเจนต่อระบบนิเวศอันเปราะบางของโลก
ซึ่งก็ย่อมส่งผลต่อผู้คนที่อิงอาศัยระบบนิเวศเหล่านี้ กล่าวโดยย่อ นี่คือภัยคุกคามต่อสิทธิพื้นฐานใน
ชีวิตของประชาชน
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ประเด็นเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น
จึงต้องท าความเข้าใจด้วยมุมมองขององค์รวมแห่งภูมิภาค มิใช่เป็นส่วนๆ ดังที่เคยกระท ามา กล่าวคือ
ควรเป็นมุมมองเชิงคุณภาพโดยองค์รวมมากกว่าที่จะเป็นมุมมองเชิงปริมาณแบบลดทอนแยกส่วน
มุมมองอย่างที่กล่าวนี้ย่อมแฝงไว้ด้วยความสามารถในการมองเห็นองค์รวมทางภูมิศาสตร์ตลอดจน
ความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันระหว่างปวงชนต่อปวงชน ทุกวันนี้ มีการมีพูดกันมากและมีโครงการเชิง
ปฏิบัติการอยู่ไม่น้อยที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งและเสริมพลังให้กับประชาชนและชุมชนท้องถิ่น แต่
หากปราศจากความส านึกและการปูทางให้เกิดแนวทางพื้นฐานและการสร้างพลังร่วมกันแล้ว การ
พูดคุยหรือกระท าการทั้งหลายก็ย่อมไม่เกิดผลอันใด แม้ว่าจะจริงใจมุ่งมั่นเพียงใดก็ตาม และจาก
ประสบการณ์ของผม นี่แหละคือส่วนที่ยากที่สุดของภารกิจทั้งปวง แต่ก็เป็นเงื่อนไขแรกสุดที่มาก่อน
เรื่องอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ จึงใคร่ขอน าเสนอมุมมองสามประการ ซึ่งสัมพันธ์กันและกัน ให้ที่ประชุมได้
พิจารณาดังนี้
(๑) ความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นสิ่งที่เราต้องเข้าใจและด าเนินการ ในฐานะที่เป็น
ฐานทรัพยากรเขตร้อนหนึ่งเดียว อันจะน าซึ่งแนวทางร่วมกันและการรวมพลังกัน โดยข้ามพ้นเส้น
แบ่งและการแบ่งแยกชุมชนท้องถิ่นทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นภายในชาติหรือระหว่างชาติก็ตาม
(๒) ความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันระหว่างพื้นที่และประชาชนทั้งในเขตเทือกเขา ที่ราบลุ่ม
และท้องทะเล เพื่อรวมกันเป็นเครือข่ายชุมชนฐานทรัพยากร ซึ่งต่างก็ถูกภัยคุกคามของโลกาภิวัตน์
และชนชั้นน าที่แปลกแยกผลักสู่ชายขอบ และ
(๓) การตระหนักร่วมกันว่า จะต้องมีการปฏิรูปตนเองบนพื้นฐานของการพึ่งตนเองและสิทธิ
ในการพัฒนา เพื่อให้แหล่งความรู้ ความสร้างสรรค์ ที่มีอยู่ภายในชุมชน ได้รับการฟื้นฟูพัฒนาขึ้น
2
เป็นฐานให้กับการน าเอาความรู้สมัยใหม่มาปรับใช้และสอดประสานอย่างมีประสิทธิภาพเหมาะสม
แน่นอนว่าการประชุมครั้งนี้ย่อมครอบคลุมเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว แต่สิ่งส าคัญนั้นอยู่ที่การเน้น
ย้ าและผลักดันสู่นโยบายและแผนยุทธศาสตร์ที่แจ่มชัดในการกระท าร่วมกัน แท้ที่จริง ปวงชนและ
ชุมชนทั้งหลายทั่วโลกก็ได้เริ่มกระท าการด้วยตัวเองกันแล้ว ถึงขั้นที่ก่อให้เกิดแนวคิดใหม่ในเรื่อง
สิทธิกลุ่มชนบนพื้นฐานวิถีชีวิตของชุมชน ซึ่งย่อมมีรูปแบบและแนวปฏิบัติหลากหลาย กระแสพหุ
นิยมทางวัฒนธรรมดังกล่าวนี้ นับเป็นปรากฏการณ์อย่างใหม่ส าหรับวิถีปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชน
ชนิดที่ยึดเอาปัจเจกบุคคลและแบบแผนอิทธิพลทางวัฒนธรรมแบบเดียวเป็นตัวตั้ง ซึ่งตะวันตก
ทึกทักเอาเองว่าเป็นสากล กระแสที่ว่านี้จะต้องประสบกับการต่อต้านคัดค้านอย่างหนักหน่วง ถึงขั้น
ที่จะจ้องท าลายกันเลยทีเดียว เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นการท้าทายที่ลงรากลึกถึงจิตวิญญาณและภูมิ
ปัญญาเท่านั้น แต่ยังเป็นการทวนกระแสครอบง ามุ่งครองความเป็นเจ้า ที่แฝงเร้นอยู่ในอารยธรรม
๓