Page 14 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน
P. 14
รายงานการศึกษาวิจัย
โครงการการศึกษาวิจัย เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน
เชื่อมโยงของแต่ละประเด็นหรือเอื้อให้มีการวางแผนอย่างเป็นระบบได้ นอกจากนั้นตราสารต่างๆ ทั้ง 24
ฉบับเป็นตราสารทางการเมืองที่มิได้พัฒนาบนหลักการสิทธิมนุษยชน (Human rights-based approach)
แต่ตั้งอยู่บนหลักความมั่นคง (Security) ของภูมิภาค เช่นปัญหาการก่อการร้าย หรือหลักการทางสังคมและ
เศรษฐกิจ เช่นปัญหาสิ่งแวดล้อมและแรงงานข้ามชาติ ซึ่งทิศทางนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาหลังจาก
ที่กฎบัตรอาเซียนมีผลใช้บังคับแล้ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีการตราปฏิญญาสิทธิมนุษยชนอาเซียนใน
ปี พ.ศ. 2552 แล้ว
2) เมื่อแยกแยะหมวดหมู่ของตราสารทั้ง 24 ฉบับออกตามประเด็นที่ปรากฏในตราสารสิทธิ
มนุษยชนหลักระหว่างประเทศ 9 ฉบับ พบว่ามีหลายประเด็นที่อาเซียนยังมิได้พัฒนาตราสารร่วมกันใน
ระดับภูมิภาค โดยเฉพาะประเด็นการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ (Racial discrimination) สิทธิทาง
พลเมืองและทางการเมือง (Civil & political rights) การต่อต้านการทรมาน (Prevention of torture)
และการป้องกันบุคคลจากการสูญหายโดยบังคับ (Enforced disappearance) ซึ่งน่าจะมีสาเหตุหลัก
นอกเหนือจากประเด็นที่ว่ากลไกอาเซียนด้านสิทธิมนุษยชนเพิ่งมีการพัฒนาในปี พ.ศ. 2552 อาจมาจาก
กรณีที่ว่าประเทศสมาชิกยังไม่สามารถสร้างฉันทามติร่วมกันในประเด็นต่างๆ ดังกล่าว
3) ประเด็นที่มีการพัฒนาตราสารสิทธิมนุษยชน (ทางการเมือง) มากที่สุดคือประเด็นด้านเด็กและ
สตรี ซึ่งน่าจะเกิดจากสาเหตุสองประเด็นคือ ประเด็นด้านเด็กและสตรีถือเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหวน้อย
กว่าประเด็นอื่น และประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งสิบประเทศต่างได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาด้านสิทธิเด็ก (CRC)
และสิทธิสตรี (CEDAW) และ
4) ตราสารที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนที่ได้รวมรวมไว้ หลายฉบับได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงใน
ด้านสถานะหรือเนื้อหา โดยบางฉบับได้กลายเป็นตราสารที่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย เช่นปฏิญญาอาเซียนว่า
ด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะในสตรีและเด็ก (ASEAN Declaration against Trafficking in
Persons Particularly Women and Children) ซึ่งได้มีการพัฒนามาเป็นอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้าน
การค้ามนุษย์โดยเฉพาะสตรีและเด็ก (ACTIP) ซึ่งมีสถานะเป็นสนธิสัญญาที่ผลผูกพันทางกฎหมาย หรือได้มี
1
การยกระดับจากการเป็นตราสารที่พัฒนาโดยองค์กรระดับรัฐมนตรีมาเป็นตราสารระดับภูมิภาคที่รับรอง
โดยที่ประชุมผู้น าอาเซียนเช่นกรณีปฏิญญาว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อสตรีและเด็กในอาเซียน ซึ่งรับรอง
โดยที่ประชุมผู้น าอาเซียนที่กรุงบันดาร์เสรีเบการ์วัน ในปี พ.ศ. 2556 มีที่มาจากปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการ
ขจัดความรุนแรงต่อสตรีในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Declaration on the Elimination of Violence
Against Women in the ASEAN Region) ซึ่งรับรองโดยที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
อาเซียน (AMM) ในปี พ.ศ. 2547 เป็นต้น
ส าหรับตราสารทางกฎหมายหรือที่เรียกในทางกฎหมายระหว่างประเทศว่า “สนธิสัญญา” หรือ
Hard law จากการตรวจสอบพบว่า อาเซียนได้มีการพัฒนาตราสารด้านสิทธิมนุษยชนของภูมิภาคเพื่อสร้าง
มาตรฐานสิทธิมนุษยชนร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกจ านวน 5 ฉบับ และหากจะชี้เฉพาะสนธิสัญญาที่
เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนโดยแท้ (กล่าวคือตั้งอยู่บนหลักการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของผู้
ทรงสิทธิและ/หรือก าหนดหน้าที่ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมาตรการเยียวยา) จะมีเพียงฉบับเดียวที่เข้าข่าย
คือ อนุสัญญาต่อต้านการค้ามนุษย์โดยเฉพาะสตรีและเด็ก (ACTIP) ที่เพิ่งมีการรับรองโดยที่ประชุมผู้น า
1 แต่ยังไม่มีผลใช้บังคับเนื่องจากยังต้องรอการให้สัตยาบันโดยสมาชิกอาเซียน 6 ประเทศตาม ข้อ 29(a) แห่งอนุสัญญา
ดังกล่าว
National Human Rights Commission of Thailand 7