Page 8 - พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560
P. 8

หน้า   ๘

              เล่ม   ๑๓๔   ตอนที่   ๑๒๓   ก         ราชกิจจานุเบกษา                  ๑๒   ธันวาคม   ๒๕๖๐


              ไม่ครบจํานวนที่ต้องสรรหา  แต่เมื่อรวมกับกรรมการซึ่งยังดํารงตําแหน่งอยู่  ถ้ามี  มีจํานวนถึงห้าคน
              ก็ให้ดําเนินการประชุมเพื่อเลือกประธานกรรมการได้  และเมื่อโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งแล้ว

              ให้คณะกรรมการดําเนินการตามหน้าที่และอํานาจต่อไปพลางก่อนได้  โดยในระหว่างนั้นให้ถือว่า
              คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการเท่าที่มีอยู่  และให้ดําเนินการสรรหาเพิ่มเติมให้ครบตามจํานวน

              ที่ต้องสรรหาต่อไปโดยเร็ว
                      ให้ประธานวุฒิสภานําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการ  และ
              เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ

                      มาตรา  ๑๕  ผู้ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาให้เป็นกรรมการโดยที่ยังมิได้พ้นจากตําแหน่ง
              ตามมาตรา  ๑๐  (๒๐)  (๒๑)  หรือ  (๒๒)  หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา  ๑๐  (๒๓)  อยู่

              ต้องแสดงหลักฐานว่าได้ลาออกหรือเลิกประกอบวิชาชีพดังกล่าวแล้ว  ต่อประธานวุฒิสภาภายในเวลา
              ที่ประธานวุฒิสภากําหนด  ซึ่งต้องเป็นเวลาก่อนที่ประธานวุฒิสภาจะนําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้ง
              กรรมการ  ในกรณีที่ไม่ได้แสดงหลักฐานภายในกําหนดเวลาดังกล่าว  ให้ถือว่าผู้นั้นสละสิทธิ  และให้

              ดําเนินการสรรหาใหม่
                      มาตรา  ๑๖  ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครหรือ

              ผู้ได้รับการสรรหา  ให้เป็นหน้าที่และอํานาจของคณะกรรมการสรรหาเป็นผู้วินิจฉัย  คําวินิจฉัยของ
              คณะกรรมการสรรหาให้เป็นที่สุด
                      การเสนอเรื่องเพื่อให้คณะกรรมการสรรหาวินิจฉัยตามวรรคหนึ่ง  ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และ

              วิธีการที่คณะกรรมการสรรหากําหนด
                      การวินิจฉัย  ให้ใช้วิธีลงคะแนนโดยเปิดเผย

                      ให้นําความในวรรคหนึ่ง  วรรคสอง  และวรรคสาม  มาใช้บังคับแก่กรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับ
              คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการสรรหาด้วยโดยอนุโลม  แต่กรรมการสรรหาที่ถูกกล่าวหาว่า
              ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามจะอยู่ในที่ประชุมในขณะพิจารณาและวินิจฉัยมิได้

                      มาตรา  ๑๗  ให้ประธานกรรมการสรรหาและกรรมการสรรหาได้รับเบี้ยประชุมและ
              ค่าตอบแทนอื่นตามที่ประธานวุฒิสภากําหนด  แต่สําหรับเบี้ยประชุมให้กําหนดให้ได้รับเป็นรายครั้ง

              ที่มาประชุมในอัตราไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของประธานกรรมการหรือกรรมการในคณะกรรมการข้าราชการรัฐสภา
              ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการรัฐสภาได้รับในแต่ละเดือน  แล้วแต่กรณี
                      มาตรา  ๑๘  การนําคดีอันเกี่ยวเนื่องกับการได้มา  คุณสมบัติ  ลักษณะต้องห้าม  หรือ

              การพ้นจากตําแหน่งของกรรมการสรรหาไปสู่ศาลปกครอง  ไม่เป็นเหตุให้ทุเลาการปฏิบัติตามคําวินิจฉัย
              ของคณะกรรมการสรรหา  และมิให้นําบทบัญญัติว่าด้วยมาตรการหรือวิธีการชั่วคราวตามกฎหมาย

              ว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองมาใช้บังคับ
                      มาตรา  ๑๙  กรรมการมีวาระการดํารงตําแหน่งเจ็ดปีนับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง
              และให้ดํารงตําแหน่งได้เพียงวาระเดียว
   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13