Page 5 - พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560
P. 5

หน้า   ๕

              เล่ม   ๑๓๔   ตอนที่   ๑๒๓   ก         ราชกิจจานุเบกษา                  ๑๒   ธันวาคม   ๒๕๖๐


                      (๑๕) เคยพ้นจากตําแหน่งเพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีการเสนอ  การแปรญัตติ  หรือ

              การกระทําด้วยประการใด ๆ  ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมาชิกวุฒิสภา  หรือกรรมาธิการมีส่วน
              ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย

                      (๑๖) เคยพ้นจากตําแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่ง
              ทางการเมืองมีคําพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ํารวยผิดปกติ  หรือกระทําความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่

              หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ  หรือกฎหมาย  หรือฝ่าฝืนหรือ
              ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

                      (๑๗) เคยได้รับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก  เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทํา
              โดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

                      (๑๘) เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  สมาชิกวุฒิสภา  ข้าราชการการเมือง  หรือ
              สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นในระยะสิบปีก่อนเข้ารับการสรรหา

                      (๑๙) เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกหรือผู้ดํารงตําแหน่งอื่นของพรรคการเมืองในระยะสิบปีก่อนเข้ารับ
              การสรรหา

                      (๒๐) เป็นข้าราชการซึ่งมีตําแหน่งหรือเงินเดือนประจํา
                      (๒๑) เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ  รัฐวิสาหกิจ  หรือราชการส่วนท้องถิ่น  หรือ

              กรรมการหรือที่ปรึกษาของหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ
                      (๒๒) เป็นผู้ดํารงตําแหน่งใดในห้างหุ้นส่วนบริษัท  หรือองค์กรที่ดําเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกําไร

              หรือรายได้มาแบ่งปันกัน  หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใด
                      (๒๓) เป็นผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ

                      (๒๔) มีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
                      (๒๕) เป็นผู้ที่มีประวัติการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างชัดแจ้ง

                      มาตรา  ๑๑  เมื่อมีกรณีที่จะต้องสรรหาผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการ  ให้เป็นหน้าที่
              และอํานาจของคณะกรรมการสรรหา  ซึ่งประกอบด้วย

                      (๑)  ประธานศาลฎีกา  เป็นประธานกรรมการ
                      (๒)  ประธานสภาผู้แทนราษฎร  และผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร  เป็นกรรมการ

                      (๓)  ประธานศาลปกครองสูงสุด  เป็นกรรมการ
                      (๔)  ผู้แทนองค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชน  องค์กรละหนึ่งคน  ซึ่งเลือกกันเองให้เหลือสามคน

              เป็นกรรมการ
                      (๕)  ผู้แทนสภาทนายความหนึ่งคน  ผู้แทนสภาวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุข

              เลือกกันเองให้เหลือหนึ่งคน  และผู้แทนสภาวิชาชีพสื่อมวลชนเลือกกันเองให้เหลือหนึ่งคน  เป็นกรรมการ
   1   2   3   4   5   6   7   8   9   10