Page 11 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 11
9
ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เล่ม ๑ ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗
กรณีมีข้อพิพาทจากการชุมนุมไม่ควรบัญญัติให้เหตุที่เกิดขึ้นทุกลักษณะคดีอยู่ภายใต้อำานาจของ
ศาลใดศาลหนึ่ง โดยไม่สอดคล้องกับเขตอำานาจศาล ควรใช้บทกำาหนดโทษทางปกครองกับการชุมนุม
ที่ถูกห้ามเนื่องจากเป็นการขัดคำาสั่งทางปกครอง และควรมีกลไกรองรับเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อน
ของประชาชน ซึ่งอาจช่วยคลี่คลายความเดือดร้อนและไม่จำาเป็นต้องออกมาชุมนุม
อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่ได้ออกมาบังคับใช้ เนื่องจากวันที่ ๑๐ พฤษภาคม
๒๕๕๔ มีประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๗ สำานักงานตำารวจแห่งชาติจึงเสนอ
ร่างกฎหมายนี้ขึ้นมาใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติรายละเอียด
เรื่องนี้อยู่ในผลงานลำาดับที่ ๑
ผลงานลำาดับที่ ๒
เรื่อง สิทธิในก�รรับบริก�รส�ธ�รณสุขต�มระบบหลักประกันสุขภ�พแห่งช�ติ ระบบประกันสังคม
และระบบสวัสดิก�รข้�ร�ชก�ร
การจัดบริการสาธารณสุขของไทยอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของระบบบริการ
สาธารณสุขอย่างน้อย ๓ ระบบ แต่ละระบบมีกรอบแนวคิดต่างกัน กล่าวคือ ระบบหลักประกัน
สุขภาพแห่งชาติรับรองให้บุคคลมีสิทธิเสมอกันในการรับบริการสาธารณสุขที่เหมาะสม ได้มาตรฐาน
ระบบประกันสังคมเน้นการให้สังคมดูแลซึ่งกันและกัน รัฐจะดูแลประชาชน โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม
มีระบบการคลังที่ยั่งยืน และระบบสวัสดิการข้าราชการเป็นสวัสดิการที่รัฐให้แก่ข้าราชการ พนักงาน
ลูกจ้าง เป็นผลให้แต่ละระบบมีประเภทของบริการและวิธีจัดบริการสาธารณสุขไม่เหมือนกัน ทำาให้
ผู้รับบริการที่อยู่ภายใต้ระบบบริการสาธารณสุขต่างกัน เข้าถึงประเภทและมาตรฐานของบริการ
สาธารณสุขที่พึงเป็นบริการพื้นฐานไม่เท่าเทียมกัน
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้พิจารณาและมีความเห็นในเรื่องนี้ว่า รัฐบาล
ควรทบทวนแนวคิดและวิธีจัดบริการของระบบบริการสาธารณสุขบนหลักความเสมอภาค โดยให้
ประเภทและมาตรฐานของบริการสาธารณสุขตามระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นบริการ
พื้นฐานและที่จำาเป็นที่ทุกคนพึงได้รับโดยไม่เสียค่าบริการ แยกบทบาทระหว่างผู้ให้บริการ ได้แก่
กระทรวงสาธารณสุข และผู้ซื้อบริการได้แก่หน่วยงานที่รับผิดชอบกองทุน/ระบบบริการสาธารณสุข
และให้สองฝ่ายหารือกันในการกำาหนดนโยบายการจัดบริการสาธารณสุขภายใต้ระบบบริการนั้น
มีกลไกรับผิดชอบดูแลสวัสดิการด้านสุขภาพ ซึ่งต้องไม่ต่ำากว่าบริการขั้นพื้นฐานตามระบบหลักประกัน
สุขภาพแห่งชาติ รวมถึงด้านอาชีวอนามัยและด้านสภาพแวดล้อมการทำางานของข้าราชการและ
เจ้าหน้าที่ของรัฐ ตลอดจนการจัดสวัสดิการด้านสุขภาพสำาหรับข้าราชการส่วนท้องถิ่น ทบทวนการ
จ่ายเงินแก่หน่วยบริการหรือเครือข่ายหน่วยบริการ โดยแยกค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าตอบแทนบุคลากร
ออกจากค่าจัดบริการด้านสุขภาพ และให้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้รับบริการ เมื่อได้รับความ
เสียหายจากการรักษาพยาบาล