Page 12 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยและรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2556
P. 12
11
รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำาปี ๒๕๕๖
ประการแรก คือ สิทธิต่างๆ ที่ได้รับการคุ้มครองทั้งตามกฎหมายภายในของประเทศไทย ซึ่งรัฐมี
หน้าที่ในการส่งเสริมและคุ้มครอง ได้แก่ สิทธิที่ได้รับการรับรองในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๕๐ และสิทธิที่รัฐต้องให้ความคุ้มครองตามพันธกรณีระหว่างประเทศ คือ สิทธิที่
ปรากฏอยู่ในสนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนฉบับต่างๆ ที่ไทยเป็นภาคี ปัจจุบันประเทศไทย
ได้เข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนหลัก ๗ ฉบับจากทั้งหมด ๙ ฉบับ ได้แก่
(๑) อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ
(๒) อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
(๓) กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
(๔) กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
(๕) อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ
(๖) อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม
่
หรือที่ยำายีศักดิ์ศรี
(๗) อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการ
ส่วนสนธิสัญญาอีก ๒ ฉบับที่ไทยยังไม่ได้เข้าเป็นภาคี ได้แก่ อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการ
คุ้มครองมิให้บุคคลถูกบังคับให้สูญหาย และอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของแรงงานโยกย้ายถิ่นฐาน
และสมาชิกในครอบครัว นอกจากนี้ ยังรวมถึงพิธีสารที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีแล้ว มี ๔ ฉบับ ได้แก่
(๑) พิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ
(๒) พิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ว่าด้วยการขายเด็ก โสเภณีเด็ก และสื่อลามก
ที่เกี่ยวกับเด็ก
(๓) พิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ว่าด้วยสภาวะความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธ
(๔) พิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ว่าด้วยกระบวนการรับเรื่องร้องเรียน
นอกจากสนธิสัญญาหลักและพิธีสารดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีอนุสัญญาที่เกี่ยวกับสิทธิแรงงาน
ที่จัดทำาขึ้นในกรอบองค์การแรงงานระหว่างประเทศที่ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันอีกด้วย
ประการที่สอง คือ กรอบเกี่ยวกับหน้าที่ของรัฐในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่ใช้กันทั่วไป คือ หน้าที่ในการเคารพสิทธิ (Obligation to respect)
หน้าที่ในการคุ้มครองสิทธิ (Obligation to protect) และหน้าที่ในการทำาให้สิทธิเกิดผลในทางปฏิบัติ
(Obligation to fulfill)