Page 10 - วารสารกฎหมายสิทธิมนุษยชน. ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม - สิงหาคม 2563)
P. 10
ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม – สิงหาคม 2563) 9
อย่ำงไรก็ตำม ปัจจุบันพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่ำด้วยคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชน
แห่งชำติ พ.ศ. 2560 มิได้บัญญัติรับรองหน้ำที่และอ�ำนำจในกำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำทไว้ ท�ำให้กำรด�ำเนิน
กำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำทของคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติเกิดข้อโต้แย้งเกี่ยวกับหน้ำที่และ
อ�ำนำจดังกล่ำว ทั้งที่กำรไกล่เกลี่ยเป็นกระบวนกำรระงับข้อพิพำททำงเลือกที่ช่วยบรรเทำควำมเดือดร้อน
ให้ประชำชนได้อย่ำงรวดเร็ว ลดกำรน�ำคดีขึ้นสู่ศำล ยุติข้อพิพำทด้วยควำมสมำนฉันท์ ซึ่งบำงกรณี
ควำมขัดแย้งไม่ใช่เรื่องในเนื้อหำ แต่เกิดจำกควำมเข้ำใจผิดหรือกำรมีข้อมูลไม่ครบถ้วนของผู้ร้อง
ซึ่งกำรระงับข้อพิพำทกระแสหลักโดยกระบวนกำรตรวจสอบอำจใช้เวลำหรือค่ำใช้จ่ำยมำกกว่ำ กำรไกล่เกลี่ย
จึงเป็นเครื่องมือที่ให้กำรคุ้มครองสิทธิมนุษยชนได้อย่ำงรวดเร็ว ทันต่อสถำนกำรณ์ แม้ในชั้นกำรพิจำรณำ
ยกร่ำงพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่ำด้วยคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ พ.ศ. 2560
จะมีข้อสังเกตว่ำ ในบำงกรณีคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติอำจพิจำรณำด�ำเนินกำรตรวจสอบ
เพื่อมีข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงำนของรัฐหรือเอกชนที่เกี่ยวข้องในกำรเยียวยำผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน
ซึ่งก่อนมีข้อเสนอแนะอำจมีกรณีที่ต้องให้คู่กรณีหรือผู้ที่เกี่ยวข้องมำชี้แจง ในระหว่ำงนั้น คณะกรรมกำร
สิทธิมนุษยชนแห่งชำติอำจด�ำเนินกำรไกล่เกลี่ยระหว่ำงคู่กรณีเพื่อเยียวยำกำรละเมิดสิทธิมนุษยชน
ในกรณีดังกล่ำวได้โดยควำมยินยอมของคู่กรณี และเพื่อให้กำรท�ำหน้ำที่ในกำรไกล่เกลี่ยเป็นไปโดยเหมำะสม
และมีมำตรฐำนกำรปฏิบัติที่สอดคล้องกัน คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติจะวำงระเบียบในกำร
ปฏิบัติหน้ำที่ดังกล่ำวได้ตำมที่มำตรำ 27 (5) หรือมำตรำ 49 (9) แห่งพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
ว่ำด้วยคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ พ.ศ. 2560 บัญญัติไว้ด้วยก็ได้ อย่ำงไรก็ตำม กำรที่ไม่บัญญัติ
หน้ำที่และอ�ำนำจของคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติไว้ในพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
ดังกล่ำวย่อมแสดงให้เห็นถึงควำมไม่สอดคล้องกับหลักกำรปำรีสที่ก�ำหนดให้กำรใช้อ�ำนำจนั้นจะต้องอยู่
ภำยใต้ขอบเขตกฎหมำยซึ่งจะต้องบัญญัติไว้อย่ำงชัดแจ้งในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมำย และจะส่งผลให้
กำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำทลดประสิทธิภำพจำกเดิมเป็นอย่ำงมำก และอำจเกิดข้อโต้แย้งจำกคู่กรณีได้ว่ำ
คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติไม่มีอ�ำนำจที่จะให้คู่กรณีไกล่เกลี่ยข้อพิพำทได้ อีกทั้งกำรด�ำเนินกำร
โดยออกระเบียบเพื่อก�ำหนดรำยละเอียดขั้นตอนในกำรไกล่เกลี่ยตำมควำมเห็นในชั้นกำรพิจำรณำของ
สภำนิติบัญญัติแห่งชำตินั้น คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติมีอ�ำนำจเพียงก�ำหนดระเบียบขึ้นบังคับ
ใช้เพื่อก�ำกับหรือควบคุมกำรท�ำงำนของข้ำรำชกำร พนักงำนรำชกำรหรือเจ้ำหน้ำที่ ของส�ำนักงำน
คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติเท่ำนั้น คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติไม่มีอ�ำนำจในกำร
ออกระเบียบให้มีผลบังคับคู่กรณีได้ เนื่องจำกพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่ำด้วยคณะกรรมกำร
สิทธิมนุษยชนแห่งชำติ พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นกฎหมำยหลักไม่ได้บัญญัติให้อ�ำนำจไว้นั่นเอง
จะเห็นได้ว่ำ กำรที่พระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่ำด้วยคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ
พ.ศ. 2560 ไม่บัญญัติหลักกำรเกี่ยวกับกำรท�ำหน้ำที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพำทเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนไว้ ย่อมเป็นกำร
แสดงให้เห็นถึงควำมไม่สอดคล้องกับหลักกำรปำรีส ประกอบกับในทำงปฏิบัติแล้ว หำกคณะกรรมกำร
สิทธิมนุษยชนแห่งชำติด�ำเนินกำรใด ๆ โดยไม่มีฐำนอ�ำนำจตำมกฎหมำยรองรับ ประชำชนก็จะขำดควำมเชื่อมั่น