Page 7 - รายงานการปฏิบัติตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
P. 7
3
จำกปัญหำมลพิษดังกล่ำวในรำวปี 2537 และปัญหำได้ด ำเนินเรื่อยม ำ
แม้ภำยหลังปี 2550 ที่ประเทศไทยได้ประกำศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มี
บทบัญญัติรับรองสิทธิของประชำชนที่จะมีส่วนร่วมในกำรบ ำรุงรักษำและใช้
ประโยชน์จำกทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อชุมชนแล้ว
5. นิคมอุตสำหกรรมมำบตำพุดได้รับกำรจัดตั้งขึ้นในปี 2531 ตำมนโยบำยของ
รัฐบำลในกำรพัฒนำพื้นที่ชำยฝั่งทะเลด้ำนตะวันออกที่ระบุไว้ในแผนพัฒนำ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2525-2529) หลังจำกกำรจัดตั้งได้
3 ปี รัฐบำลได้ปรับเปลี่ยนผังเมืองในบริเวณดังกล่ำวโดยขยำยพื้นที่ที่จัดเป็นเขต
อุตสำหกรรมและคลังสินค้ำเพิ่มขึ้นให้ครอบคลุมพื้นที่ใกล้เคียงนิคมอุตสำหกรรม
ด้วย ในปี 2537 ประชำชนที่อำศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับนิคมอุตสำหกรรมเริ่ม
มีปัญหำสุขภำพอนำมัยและคุณภำพชีวิตซึ่งเชื่อว่ำเกิดจำกกำรปล่อยมลพิษของ
โรงงำนในเขตนิคมอุตสำหกรรม ทั้งมลพิษทำงอำกำศ มลพิษทำงน้ ำ และของเสีย
อันตรำย กรณีที่เห็นเด่นชัดคือ กรณีครูและนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งใน
มำบตำพุดมีอำกำรเจ็บป่วยด้วยอำกำรปวดศีรษะจำกกลิ่นเหม็น รวมทั้งมีอำกำร
เจ็บคอ แสบจมูก แน่นหน้ำอก หำยใจไม่ออก และมีผื่นคันตำมผิวหนังเฉลี่ยวันละ
ประมำณ 40 คนจนในที่สุดโรงเรียนต้องย้ำยออกจำกพื้นที่ดังกล่ำวไปอยู่ในที่แห่ง
ใหม่ นอกจำกปัญหำด้ำนสุขภำพแล้ว ยังมีประชำชนในบำงพื้นที่ประสบปัญหำ
ขำดแคลนน้ ำเนื่องจำกมีกำรน ำน้ ำไปใช้ในโรงงำนอุตสำหกรรมด้วย
6. ในปี 2548 กรมควบคุมมลพิษได้ตรวจสำรประกอบอินทรีย์ระเหยง่ำย (VOCs)
ในบริเวณนิคมอุตสำหกรรมมำบตำพุด พบว่ำมีสำรก่อมะเร็งที่มีค่ำสูงกว่ำระดับเฝ้ำ
ระวังคุณภำพอำกำศในบรรยำกำศของ US-EPA (Environmental Protection Agency)
ซึ่งเป็นหน่วยงำนด้ำนกำรคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ มำกถึง 19 ชนิด นอกจำกนี้
ยังพบโลหะหนักซึ่งเป็นสำรก่อมะเร็งในน้ ำและดินสูงเกินเกณฑ์มำตรฐำน และ